ธนาคารเกียรตินาคิน คงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อและเงินฝากให้อยู่ราว 30% และ 20% ตามลำดับ ล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1 บาท เผยสินทรัพย์ขยับแตะแสนล้านแล้ว โดยสินเชื่อเช่าซื้อยังคงเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก พร้อมเน้นบริหารความเสี่ยง และการควบคุมคุณภาพหนี้ และเร่งขยายฐานเงินฝากรองรับ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก
นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการประเมินเบื้องต้นเพื่อวัดระดับผลการดำเนินงานของธนาคารฯ โดยรวม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารฯ คาดว่าสินเชื่อรวมจะขยายตัวได้ราว 30% โดยครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตที่ 18% ซึ่งคาดว่าครึ่งปีหลังจะยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่อาจจะเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนเงินฝากนั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 20% และครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามเป้าหมายราว 20% แล้ว แต่คาดว่าครึ่งปีหลัง หากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากแล้ว ธนาคารฯ คงเน้นในเรื่องการนำเสนอสินค้าบริการที่เป็นทางเลือกให้กับผู้ฝากเงินมากขึ้น ส่วนสินทรัพย์นั้นก็สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายแล้วเช่นกัน คืออยู่ที่ 102,607 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ราว 15% ส่วนการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจนั้น สินเชื่อเช่าซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 28% หรืออยู่ที่ 54,839 ล้านบาท โดยเป็นยอดที่อนุมัติใหม่ในครึ่งปีแรกราว 19,500 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมียอดรวมอยู่ที่ 13,932 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2550 ราว 8% สินเชื่อทั่วไปมีจำนวน 8,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ส่วนเงินฝากและเงินกู้ยืม ขยายตัวราว 20% หรืออยู่ที่ 84,021 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมเท่ากับ 100.1% ลดลงจากสิ้นปี 2550 ที่อยู่ที่ระดับ 101.9% โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยหลังหักสำรอง (Net Interest Margin) อยู่ที่ 4% ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรองอยู่ที่ 6.80% ลดลงจากสิ้นปี ที่ระดับ 9.17% นอกจากนี้ ธนาคารฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณอัตราการกันเงินสำรองสำหรับกลุ่มลูกค้าเช่าซื้อ จากเดิมคำนวณจากประสบการณ์ผลขาดทุนในอดีตเท่านั้น ก็ปรับเป็นการคำนวณจากประสบการณ์ผลขาดทุนในอดีต และปรับปรุงด้วยข้อมูลแนวโน้ม และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของผู้เช่าซื้อในอนาคต ตลอดจนได้มีการกันเงินสำรองเพิ่มขึ้นในกรณีของรถมือสองที่อาจจะขายได้น้อยลงเนื่องจากสภาวะตลาดและราคาน้ำมัน”
ส่วนกลยุทธ์ของธนาคารฯ ในครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารฯ จะเน้นในด้านการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน การบริหารคุณภาพของสินทรัพย์ ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยหลายๆ ด้าน ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อสร้างความแตกต่างให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า
นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากว่า “ธนาคารฯ ได้เตรียมพร้อมเรื่องความเสี่ยงด้านสภาพคล่องมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการให้บริการที่แตกต่างจากธนาคารอื่น โดยเฉพาะการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาเรื่องการลงทุนให้กับลูกค้าเงินฝากที่ต้องการข้อมูลด้านการออมในลักษณะ Portfolio ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์เพื่อรักษาฐานลูกค้า อาทิ Loyalty Program และ Priority Banking ตลอดจนหาแหล่งเงินทุนที่มิใช่เงินฝาก อาทิ การออกหุ้นกู้ และ Syndicated Loan ส่วนการขยายฐานเงินฝากนั้น ธนาคารฯ ทำการขยายฐานลูกค้าเงินฝาก ทั้งในแง่ของจำนวนบัญชี และวงเงินฝาก ซึ่งปัจจุบันธนาคารฯ มีฐานลูกค้าเงินฝากอยู่ที่ 13,000 บัญชี จากเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่มีอยู่ 8,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 62% โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนบัญชีให้ได้ราว 15,000 บัญชีในสิ้นปีนี้ สำหรับฐานเงินฝากนั้น จะเน้นวงเงินขนาดกลางตั้งแต่ 1 แสนบาทขึ้นไป รวมถึงมีการระดมเงินฝากผ่านสาขา ส่วนการระดมเงินผ่านการออกหุ้นกู้นั้น ธนาคารฯ ได้มีการออกหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอ ล่าสุด ธนาคารฯ ออกหุ้นกู้ครั้งที่ 15 อายุ 2-3 ปี วงเงิน 3,420 ล้านบาท โดยหุ้นกู้อายุ 2 ปี (จำนวน 2,131 ล้านบาท) ให้ดอกเบี้ยที่ 4.25% (ส่วนต่างดอกเบี้ยราว 75 basis points) อายุ 3 ปี (จำนวน 1,289 ล้านบาท) ดอกเบี้ย 4.54% (ส่วนต่างดอกเบี้ยราว 80 basis points) ส่วนโปรโมชั่นล่าสุดเนื่องในโอกาสฉลองก้าวสู่ 38 ปี เกียรตินาคิน นั้น ธนาคารฯ ได้นำเสนอโปรโมชั่นเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ ด้วยเงินฝากประจำ 12 เดือน และเงินฝากประจำ 18 เดือน รับดอกเบี้ย 4% และ 4.5% ต่อปี ตามลำดับ นับเป็นแคมเปญที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดของเงินฝากในปัจจุบัน โดยเปิดรับเงินฝาก ขั้นต่ำที่ 1 แสนบาท สำหรับเงินฝาก 1 ล้านบาทขึ้นไป ธนาคารฯ จะจ่ายดอกเบี้ยให้ทุกเดือน ส่วนตั๋วแลกเงินอายุ 12 เดือน และ 18 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25% และ 4.75% ตามลำดับ เปิดรับตั้งแต่ 5 แสนบาทขึ้นไป สำหรับโปรโมชั่นเงินฝากดังกล่าว ธนาคารฯ ยังได้มอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้าคือ Loyalty Program หรือ KK Points ซึ่งเป็นการสะสมแต้ม ผ่านการฝากใหม่ ฝากต่อ ฝากเพิ่ม หรือแนะนำเพื่อน จากนั้นนำแต้มที่สะสมมาแลกรับของที่ระลึกจากธนาคารฯ ซึ่ง KK Points นี้ ธนาคารฯ นับเป็นรายแรกๆ ที่นำโปรแกรมการสะสมแต้มมาใช้สำหรับการฝากเงินและการทำประกันชีวิตผ่านธนาคารฯ นอกจากนี้ ลูกค้าธนาคารฯ สามารถนำบัตร ATM ของธนาคารฯ ไปถอนเงินได้ที่เครื่อง ATM Pool ทั่วประเทศ ได้ฟรี โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม และไม่จำกัดจำนวนครั้ง”
นายธวัชไชย กล่าวถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 ว่า ”ธนาคารฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 764 ล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธนาคารฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 34% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรับพนักงานเพิ่มตามการขยายสาขา เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ตั้งแต่ต้นปี ธนาคารฯ เปิดสาขาใหม่จำนวน 5 แห่ง และจะทยอยเปิดอีก 5 แห่งภายในสิ้นปี ทางด้านสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 102,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากสิ้นปี และเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ธนาคารฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารฯ ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 สิงหาคม นี้ ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ 15.48%”
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
ล้านบาท
ข้อมูล 30 มิ.ย. 51 31 ธ.ค. 50 เปลี่ยนแปลง
สินเชื่อรวม 78,012 66,255 17.7%
สินเชื่อเช่าซื้อ 54,839 42,794 28.1%
- สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 13,932 15,184 (8.2%)
สินเชื่อทั่วไป 8,623 7,680 12.3%
- สินเชื่ออื่นๆ 618 597 3.5%
หนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) 84,021 70,295 19.5%
สินทรัพย์รวม 102,607 88,903 15.4%
กำไรสุทธิ 764 2,154
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก่อนหักสำรอง 9.04% 12.45%
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรอง 6.80% 9.17%
เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) 15.48% 16.39%
เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) 1.00 2.30
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 4.6 5.2

No comments:
Post a Comment