‘SMT’ตั้งตัวแทนในไต้หวัน คาดดันรายได้ไตรมาส 3 พุ่ง

บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT ได้แต่งตั้งให้ บริษัท SmarTrek International จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนฝ่ายขายในไต้หวัน ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของ SMT ได้เดินทางไปพบลูกค้าในสหรัฐฯ คาดมีออเดอร์เข้ามากขึ้นจากธุรกิจการประกอบแผงวงจรไฟฟ้าและการทดสอบ (IC Packaging)

SmarTrek ตั้งอยู่ในเมือง Hsinchu ประเทศไต้หวัน เป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ SMT โดยไต้หวันนั้นถือเป็น ศูนย์กลางธุรกิจ IC ของเอเชีย (Asia’s Silicon Valley)

J.Y. Hung ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท SmarTrek กล่าวว่า “SMT เป็นบริษัทที่มีศักยภาพมาก มีโรงงานที่มีกระบวนการผลิตอันทันสมัย หลังได้เดินทางไปที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และตนหวังว่าจะได้ร่วมทำงานกับบริษัทที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ที่ต้องการขยายตลาดในไต้หวัน”

ทั้งนี้ SMT อยู่ในระหว่างการผลิตสินค้าต้นแบบ โดยมองว่า จากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าดังกล่าว จะทำให้ SMT มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นสำหรับ IC เป็น 20 ล้านชิ้นต่อเดือนในปีนี้

นอกจากนั้น นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SMT ได้เดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเยี่ยมลูกค้าระดับโลกหลายราย ซึ่งเป็นอีกแผนงานหนึ่งของ SMT ที่ต้องการขยายตลาดในสหรัฐฯ

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีการเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของ บริษัท On Semiconductor หรือ ONNN ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองฟีนิกซ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทาง SMT จัดเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภท IC รายหนึ่งให้กับ ONNN

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า SMT จะมุ่งเน้นการผลิตสินค้า IC ในปีนี้ และจะได้รับประโยชน์จากการที่ลูกค้ารายหนึ่งที่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นประเทศไทย โดยผู้ประกอบการเหล่านั้นต้องการสินค้าจาก SMT ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับ SMT ในอนาคต

“ยอดการสั่งซื้อสินค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น35ล้านชิ้นต่อเดือนจากลูกค้ารายนี้ที่จะย้ายฐานการผลิตเข้ามาในเขตที่ตั้งดังกล่าว ขณะเดียวกันทาง Bosch ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตสินค้า MEMS (Micro-Electro-Mechanical-Systems) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ระดับโลก ได้สร้างโรงงานประกอบเวเฟอร์แห่งใหม่ ก็ต้องการคู่ค้าสนับสนุนการผลิตในขั้นท้ายขบวนการ”

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า SMT ได้ทำงานร่วมอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในยุโรปรายนี้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราเติบโตไปด้วยกัน โดยเราจะสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า เพื่อความสำเร็จของทั้งสองธุรกิจ